[Gyulseok] Higanbana – 10

ก่อนจะถึงเวลานั้น ขอเราทำตามใจตัวเองซักครั้งนะ”

 

คำพูดของไคก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาจูบยังคงติดอยู่ในหัวของฮิโระ หลังจากที่ได้อ่านข้อความของโยสึเกะที่ส่งมาในช่วงดึกก็ยิ่งทำให้ตาค้างหนักกกว่าเดิม เขารู้แล้วว่าไคตั้งใจจะทำอะไร และตั้งแต่ช่วงค่ำ ไคก็ยังไม่ได้ตอบข้อความของเขาอีกเลย ฮิโระรู้สึกโมโหตัวเองที่ไม่รู้ว่าไคกำลังจะทำอะไรจนถึงตอนนี้

 

และนั่น ทำให้เขาตัดสินใจได้เช่นกัน

.

.

.

.

.

.

.

 

ฮิโระนัดเจอโชตั้งแต่เช้ามืดที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ อีกฝ่ายเดินหาวมาแต่ไกล ห่อตัวในเสื้อกันหนาวและผ้าคอหนาๆ เขาเพิ่งเปลี่ยนนัดหมายที่ว่าจะไปบ้านคิตามุระเป็นศาลเจ้าโจจิมะแทน รวมทั้งได้บอกเพื่อนต่างห้องรายนั้นไว้แล้วด้วยว่าพวกเขาจะไปหาแต่เช้า

 

อากาศที่ค่อนข้างหนาวทำให้ทั้งคู่เลือกจะนั่งรถเมล์ โชคดีที่เวลานั้นรถเมล์เที่ยวแรกออกวิ่งแล้ว และพวกเขาก็มีเวลาคุยกันนิดหน่อยก่อนจะถึงที่ศาลเจ้า

 

“แล้ว….มันเป็นยังไง ตอนที่ไคจูบนาย?”

 

คนถูกถามหันขวับพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นเล็กน้อย “นี่ยังไม่จบกะเรื่องนี้อีกเหรอ?”

 

“เหอะน่า อยากรู้นี่หว่า” โชยิ้มร่า

 

“เอาจริงนะ..” ฮิโระเปลี่ยนมานั่งกอดอกและถอนหายใจออกมา “มันไม่เหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่.. จูบแรกมันต้องรู้สึกชวนใจเต้นมากกว่านี้ป่ะวะ แต่ตอนนั้นมัน…เหมือนจูบลายังไงก็ไม่รู้ ไคร้องไห้ด้วย”

 

“จริงๆอาจจะเพราะนายปากเหม็นไรงี้ป่าว”

 

ฮิโระผลักหัวไอ้เพื่อนตัวดีไปทีหนึ่งข้อหาขัดอารมณ์ก่อนจะเล่าต่อ “แต่คือ..ฉันเองก็ตื่นเต้น เข้าใจป่ะวะ จู่ๆคนที่ชอบมาจูบอะ แต่เขาบอกขอบคุณแล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอมาคิดดีๆ..นั่นมันจูบลาชัดๆ ทำไมฉันไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้วะ….”

 

“เอาน่า ตอนนี้ยังมีเวลา ถึงจะเหลือแค่ไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสแล้วซักหน่อย” โชวางมือบนไหล่เพื่อนและบีบเบาๆ “แต่ยังไงอ่านะ…ฉันว่าไคเองก็ต้องชอบนายแน่ๆ อย่างน้อยก็ใจตรงกันนะเว่ย”

 

“ควรดีใจใช่มั้ยเนี่ย….” ฮิโระแค่นหัวเราะออกมากับคำปลอบใจของโช อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นนิดนึง และทำให้ยิ่งอยากจะช่วยไคให้ได้

 

หลังจากนั่งรถมาไม่นานก็ถึงที่ศาลเจ้าโจจิมะ ทั้งสองก้าวลงจากรถเมล์ โทริอิสีแดงตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางขึ้น เบื้องหลังคือบันไดทอดยาวขึ้นไปยังด้านบนศาลเจ้า ที่ๆเพื่อนของพวกเขารออยู่ ทั้งสองก้าวขึ้นบันไดหินไปโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก พระอาทิตย์แตะขอบฟ้าพร้อมๆกับที่ทั้งคู่ขึ้นไปถึงตัวศาลเจ้า โจจิมะในชุดฮากามะแบบญี่ปุ่นกำลังกวาดใบไม้บนลานด้านหน้าหันมาทักทาย

 

“ไง เตรียมใจมารึยัง?”

 

“เรียบร้อยแล้ว” ฮิโระตอบสั้นๆก่อนจะเดินตามโจจิมะเข้าไปด้านในศาลเจ้า ในส่วนที่เรียกว่า ฮงเด็ง ที่เป็นที่สถิตของเทพ และโดยปกติแล้วจะไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้าไปเด็ดขาด อาคารดังกล่าวถูกสร้างแยกอยู่ด้านหลังจุดสักการะทั่วไป บริเวณรอบๆมีผูกที่สะกดวิญญาณหรือ โยริชิโระ ผูกไว้ตามต้นไม้ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความขลัง ราวกับไม่ได้อยู่ในที่ของมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น

 

“พ่อ เพื่อนผมมาแล้ว” โจจิมะเรียกพ่อของตนที่กำลังสวดภาวนา ชายวัยกลางคนหันมายิ้มให้

 

“มาเร็วดีนะ อาซาโนะคุง พาเพื่อนไปเปลี่ยนชุดสิชินยะ แล้วมาช่วยพ่อเขียนยันต์ที่พื้นด้วย เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” เซย์อิจิโร่ยื่นชุดกิโมโนชายสีขาวให้กับฮิโระ ใบหน้าแสดงความกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด “รู้ใช่มั้ยว่าเธออาจจะตายได้จากการปลดผนึกของเอ็นมะ และปล่อยให้พลังของเทพไหลเข้ามาในตัว”

 

“รู้ครับ” เด็กหนุ่มตอบ แววตาไม่มีความลังเลเจือปนอยู่แม้แต่น้อย “แต่มันเป็นทางเดียว การที่คุณพูดว่าผมอาจจะตาย นั่นหมายความว่าผมอาจจะรอดเหมือนกัน และต่อให้เหลือโอกาสน้อยแค่ไหน ผมก็จะเสี่ยงเพื่อช่วยไคให้ได้”

 

“เด็ดเดี่ยวสมเป็นบุตรแห่งอามะเทระสึดีนี่..” เซย์อิจิโร่ตบไหล่ของคนอายุน้อยกว่า “ฉันเองก็จะพยายามไม่ให้เธอตายเหมือนกัน เอาล่ะ…ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ส่วนฮารุยซาวะคุง เธอไปนั่งรอที่อาคารสำนักงานศาลเจ้าดีกว่า มันอันตรายเกินว่าจะให้คนธรรมดาเข้าใกล้ลานพิธี”

 

“โอเคครับ ฝากเพื่อนผมด้วยนะ” โชโค้งให้กับอีกคนก่อนจะหันไปกอดเพื่อนรักของตัวเอง “ห้ามตายนะเว่ย ฉันไม่รู้จะแก้ตัวกับแม่นายยังไงถ้านายตาย เข้าใจป่ะ”

 

“เออน่า ไม่ต้องแก้ตัวหรอก เพราะฉันจะไม่ยอมตาย” ฮิโระลูบหลังเพื่อนตัวโต ถึงโชจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีแค่ไหน แต่การที่เขาตัดสินใจทำพิธีปลดผนึกกะทันหันก็ทำให้อีกฝ่ายกังวลอยู่ไม่น้อย หมอนี่ด่าเขาหูแทบชาตอนที่โทรไปบอกเมื่อคืน แต่สุดท้ายก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเป็นเพื่อนกันมานานก็ยิ่งทำใจยากทีี่ต้องเห็นอีกคนเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับอะไรแบบนี้ แต่ก็เพราะรู้จักกันดีเช่นกัน…โชถึงได้เชื่อมั่นในตัวเพื่อนของตน

 

“แล้วเจอกันเพื่อน….”

 

ทั้งสองเดินแยกกันไป ฮิโระไปเตรียมตัวทำพิธีด้วยการชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำภายในศาลเจ้า และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ทุกขั้นตอนมีคนของศาลเจ้าโจจิมะคอยกำกับดูแลเพื่อให่้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อเตรียมตัวเสร็จ ฮิโระก็กลับมาที่ฮนเด็งอีกครั้ง คราวนี้ที่พื้นมีอักขระหน้าตาประหลาดวาดไว้เป็นวงกลม ดูจากมือที่เลอะเขม่าสีดำของโจจิมะแล้วน่าจะวาดด้วยถ่าน

 

“ชินยะ เดี๋ยวลูกเอาดาบไปที่บ้านคิตามุระ แล้วอยู่กับพวกเขานะ ทางนี้พ่อกับคนอื่นๆจะจัดการเอง”

 

“โอเค พ่อมีเวลาถึงแค่พระอาทิตย์ตกดินนะ” โจจิมะปัดเศษถ่านออกจากมือ “ไม่งั้นพี่น้องคิตามุระได้ฆ่าอุเอฮาระแน่ๆ”

 

“รู้แล้วๆ ไปได้แล้วไป” เซย์อิจิโร่ไล่ลูกชายตัวดีของตัวเองให้ไปทำตามแผนที่วางไว้ แผนที่ว่าคือต้องรีบปลดผนึกของเอ็นมะในตัวอาซาโนะ ฮิโรยูกิให้ได้ จากนั้นก็ต้องรีบไปที่ยามิให้ทันก่อนที่สองพี่น้องตระกูลนักดาบจะแยกวิญญาณของเอ็นมะกับอุเอฮาระ ไคออกจากกัน “อย่าลืมเอา ‘อันนั้น’ ไปด้วยล่ะ”

 

“จ้าพ่อ”

 

ถ้าฟังจากที่ฮิโระเล่าให้ฟังว่าคิตามุระ โยสึเกะมาบอกรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีแยกวิญญาณและขอให้ช่วยไค มันสามารถคิดตามได้ว่าไคต้องการจะทำพิธีซ้อนกับพิธีรวมวิญญาณ เพื่อล่อให้เอ็นมะออกมาก่อนจะทำการแยกวิญญาณเสีย ในเวลานั้น..เขตแดนระหว่างมิติคนเป็นและคนตายจะเบาบางมากจนสามารถเข้าไปยังยามิได้ง่ายกว่าปกติ และถ้าโชคดี….หากฮิโระรอดจากการปลดผนึกได้ พลังของเทพที่ไหลเวียนในตัวก็มากพอที่จะพามนุษย์เข้าไปยังยามิได้สบายๆ แต่ก็ต้องระวังเช่นกัน…เพราะเขตแดนที่เบาบางอาจทำให้อะไรก็ตามที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งข้ามมายังโลกมนุษย์ได้ด้วย

 

งานนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ก็ยังดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย

 

กลุ่มนักบวชชินโตในชุดแบบญี่ปุ่นอีกกลุ่มเดินเข้ามาสมทบ พิธีคงกำลังจะเริ่มขึ้น ฮิโระอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของเขาเปลี่ยนไป

 

ฮิโระเข้าไปนั่งกลางวงอักขระด้วยหัวใจเต้นรัว นักบวชชินโตยืนล้อมรอบเขาตามจุดที่กำหนดไว้ อาคารฮนเด็งที่เป็นที่สถิตของเทพตั้งอยู่ด้านหน้า เขาได้แต่หวังว่าตนเองจะแข็งแกร่งพอที่จะรับพลังยิ่งใหญ่ของเทพได้

 

แล้วพิธีก็เริ่มต้นขึ้น…….

 


 

ทางด้านของอุเอฮาระ ไค พิธีกรรมก็ถูกเตรียมไว้เพื่อเขาเช่นกัน คุณย่าของเขาท่าทางปลื้มอกปลื้มใจเป็นพิเศษที่ในที่สุด หลานชายคนเดียวของตระกูลจะได้เป็นผู้เปิดประตูนรกต้อนรับการกลับมาของอิซานามิบนโลก เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่จะใช้ในพิธีถูกทำขึ้นใหม่ด้วยฝีมือของหญิงชราเพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ

 

ไคออกจากศาลเจ้าไปในตอนเช้า เพื่อไปชำระล้างร่างกายที่น้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปหุบเขา เชือกโยริชิโระที่อยู่ตามต้นไม้รอบๆบ่งบอกว่าน้ำตกแห่งนี้ถูกนับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และไคที่อยู่เพียงลำพังก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหน เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าออก เปลี่ยนเป็นชุดกิโมโนสีขาวสะอาดก่อนจะก้าวขาลงไปในน้ำเย็นเฉียบ

 

ความเย็นของน้ำอาจทำให้เจ็บปวดและทรมานในตอนแรก แต่เมื่อปรับตัวได้ ความรู้สึกนั้นก็หายไป ไคเข้าไปนั่งใต้น้ำตก ให้กระแสน้ำรุนแรงไหลกระทบร่าง ชำระล้างมลทินตามร่างกายรวมถึงความว้าวุ่นภายในจิตใจ เขานั่งทำสมาธิอยู่พักใหญ่ ในตอนนี้ไคละทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ ยอมสังเวยตัวเองเพื่อให้คนอื่นได้มีชีวิตอยู่ อะไรที่อยากทำก็ได้ทำแล้วตลอด17ปีที่ผ่านมา ทั้งได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ได้รักและถูกรัก เพียงเท่านี้ก็ไม่นึกเสียใจอีกแล้ว

 

ตัวเขาในตอนนี้พร้อมจะตายแล้ว

 

ไคขึ้นจากน้ำด้วยใจที่สงบ เนื้อผ้าสีขาวเปียกลู่แนบลำตัว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินทางกลับยามิ เด็กหนุ่มพบกองเสื้อผ้าชุดหนาถูกวางไว้ในห้องนอนพร้อมสำรับอาหาร

 

“ทานอาหารเสียสิ ย่าเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้หลานแล้ว” เสียงของหญิงชราดังมาจากอีกฝั่งของประตูกระดาษ “ทานเสร็จแล้วย่าจะได้ช่วยหลานเตรียมตัว วันนี้เป็นวันสำคัญ”

 

“รู้แล้วครับ” เขาตอบรับสั้นๆและทานอาหารที่ย่าจัดไว้ให้ ทุกอย่างเหมือนกับเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเองก็ต้องกินอะไรแบบนี้เหมือนกัน ข้าว ปลา ซุป และผักต้มจืดๆ ย่าตั้งใจจะให้เขาสะอาดจากภายใน เป็นร่างภาชนะที่เหมาะสมของเอ็นมะ

 

แต่สิ่งที่หญิงชราไม่รู้คือ เขาได้ซ้อนแผนนัดแนะกับตระกูลนักดาบอย่างสองพี่น้องคิตามุระให้มาที่ยามิก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และชิงทำลายภาชนะของเอ็นมะก่อนที่เขาจะได้มันไป เอ็นมะที่วางใจจากสัญญาของเขาคงไม่ทันระวังว่ามนุษย์ผู้นี้จะคิดตลบหลังได้

 

ไคเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง หญิงชราช่วยสวมเสื้อบนตัวของหลานชาย ทบปกขวาทับซ้ายแบบที่ใส่ให้ผู้เสียชีวิตก่อนจะทับด้วยเสื้อคลุมอิคังสีขาวสะอาดตามความเชื่อเก่าแก่ สวมเครื่องประดับศีรษะที่ทำจากเชือกสีแดง เพียงเท่านั้นก็พร้อมเข้ารับการสวดปัดเป่าก่อนพิธีเริ่มในช่วงเย็น

 

เสียงสวดมนต์ที่ยังติดอยู่ในความทรงจำดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นย่าของไคเองที่นำสวด ในตอนเด็ก…เขาเคยนึกสงสัยว่ากลุ่มคนประหลาดที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในศาลเจ้าพร้อมผ้าคลุมหน้าในช่วงทำพิธีคือใคร มาจากไหน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว คนกลุ่มนี้…กลุ่มคนที่ดูเหมือนนักบวชชินโตพวกนี้ คือวิญญาณของคนตายทั้งนั้น เขาถูกรายล้อมไว้ด้วยวิญญาณที่ถูกผูกมัดไว้ด้วยคาถาโบราณของคุณย่า

 

แต่ไคไม่ได้กลัว….เขากำลังเฝ้ารออยู่เงียบๆท่ามกลางเสียงสวดดังระงม อีกไม่นานเขาจะได้เป็นอิสระจากทั้งเอ็นมะ และจากโลกใบนี้

 


 

ทางบ้านคิตามุระ พิธีสวดปัดเป่าย่อมๆก็ถูกจัดขึ้นเช่นกัน เพราะสิ่งที่สองพี่น้องจะต้องเผชิญนั้นนับว่าอันตรายมาก ไม่ใช่เพียงแค่การที่อาจต้องเผชิญหน้ากับเอ็นมะ แต่ยังรวมไปถึงการเดินทางไปยังดินแดนคนตาย ทั้งสองผูกเครื่องรางพิเศษไว้ที่ข้อมือ มันจะช่วยนำพวกเขาไปยังยามิ และช่วยให้กลับมาอย่างปลอดภัย เหล้าสาเกถูกรินใส่จอกส่งให้กับสองพี่น้อง

 

“เย็นนี้มีทางเลือกแค่ชัยชนะหรือความตายอันน่าอัปยศ เข้าใจใช่มั้ย โยสึเกะ?” มิโคโตะถามน้องชายด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเราทำไม่สำเร็จ ชื่อเสียงของบ้านคิตามุระจะต้องแปดเปื้อนไปตลอดกาล เพราะไม่สามารถหยุดยั้งการเปิดประตูนรกได้”

 

“ครับพี่ ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มเม้มปาก เมื่อคืนเขาแอบส่งข่าวบอกเพื่อนร่วมห้องอย่างอาซาโนะ ฮิโรยูกิเกี่ยวกับการตัดสินใจของไค พี่ชายของเขาไม่รู้เรื่องนั้นและคงคิดว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่เขาคิดว่ามันจะเป็น มิโคโตะเชื่อในเรื่องหน้าที่ของตระกูลมากกว่าเขา และคนที่ได้เจอหน้าไคทุกวัน ได้นั่งเรียนห้องเดียวกัน ยังไงก็ฆ่าไม่ลง สำหรับโยสึเกะแล้ว ไคก็เป็นแค่คนที่น่าสงสารคนหนึ่ง

 

และเขาก็ยังเชื่อด้วยว่า ถ้าเป็นอาซาโนะ ฮิโรยูกิ ก็น่าจะหยุดยั้งเอ็นมะได้ และช่วยชีวิตของไคได้ด้วย

 

แต่ตอนนี้เขาต้องตามน้ำไปก่อน โยสึเกะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขัดอะไรมิโคโตะได้

 

จอกเหล้าถูกยกขึ้นดื่ม รสขมปร่าของแอลกอฮอลดีกรีแรงแผ่ซ่านในปาก ความร้อนไหลผ่านลำคอลงสู่ช่องท้องจนร่างกายร้อนวาบไปหมด เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังของพี่ชายที่ลุกขึ้นไปหยิบดาบบนแท่นวาง มิโคโตะชักดาบออกจากฝักอย่างคล่องแคล่ว แสงไฟสะท้อนโลหะเป็นประกายคมกริบ มิโคโตะไล่มืไปตามใบดาบอย่างชื่นชม

 

“ดาบเล่มนี้ตกทอดมาในตระกูลเราหลายร้อยปีเพื่อทำหน้าที่เดียว คือใช้เพื่อแยกเอ็นมะออกจากวิญญาณของมนุษย์ และวันนี้พี่จะใช้มันเพื่อทำหน้าที่ให้ลุล่วงอีกครั้ง” มือเก็บดาบเข้าฝักตามเดิมก่อนจะหันมาทางน้องชาย “มาเถอะน้องพี่ เราต้องไปกันแล้ว อย่าลืมเอาดาบของนายไปด้วย ต้องป้องกันตัวไว้ก่อน”

 

“ครับพี่” โยสึเกะเอื้อมหยิบดาบของตนที่อยู่บนแท่นวางที่ต่ำกว่า เขาไม่เคยใช้มันแม้แต่ครั้งเดียวเพราะชื่นชอบกีฬายูโดมากกว่าแม้ว่าที่บ้านจะเป็นโรงฝึกดาบก็ตาม แต่เพราะแบบนั้น เขาถึงได้รับการฝึกมาตั้งแต่เด็กและเชี่ยวชาญวิชาดาบ เพียงแต่ไม่เก่งเท่าพี่ชายอย่างมิโคโตะก็เท่านั้น

 

ทั้งคู่เดินออกไปนอกเรือน ที่ๆใครบางคนนั่งรออยู่ที่สวนพร้อมวัตถุทรงยาวบางอย่างที่อยู่ในห่อผ้าที่ดูแล้วน่าจะยาวกว่าสองเมตรวางอยู่ข้างตัว

 

“คุณโจจิมะ ตื่นได้แล้ว” มิโคโตะส่งเสียงเรียก ทำเอาคนที่นั่งหลับอยู่เกือบหงายหลัง “เราจะไปกันแล้ว นี่เครื่องรางเพื่อไปที่ยามิ”

 

โจจิมะ ชินยะเอื้อมมือรับเครื่องรางที่ถูกโยนมาให้ได้อย่างพอดิบพอดี เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ขอบคุณคร้าบ พร้อมแล้วก็ไปกันเลย”

 

“เอาอะไรมาด้วยน่ะโจจิมะ?” โยสึเกะถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนต่างห้องของตนแบกเจ้าห่อผ้ายาวๆขึ้นหลังไปด้วย แปลว่าจะต้องเอามันไปที่ยามิด้วยแน่นอน

 

คนถูกถามหันมายิ้มให้ “พวกนายมีดาบไว้ป้องกันตัว ฉันเองก็ต้องมีอะไรไว้ป้องกันตัวเองบ้างสิ”

 


 

ทางด้านศาลเจ้าโจจิมะ พิธีถอนอาคมผนึกของเอ็นมะกำลังดำเนินไปด้วยดี ฮิโระยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามที่ถูกเตือนไว้ในทีแรก แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตกใจคืออักรขระสีดำจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นตัวร่าง เท่าที่เขาเห็นได้คือที่แขน ขา และช่วงอก อักขระประหลาดเหมือนอักษรบนยันต์พวกนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของเขา ที่ที่ปรากฏอักขระตัวที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา

 

“น-นี่มันอะไร…?”

 

“ผนึกของเอ็นมะที่อยู่ในตัวของเธอไง” เซย์อิจิโร่ตอบ “นั่นคือสิ่งที่พวกเราพยายามจะเอาออกจากตัวเธอให้ได้ และอย่างที่ฉันได้บอกไปก่อนหน้า การเอาผนึกออกมันเจ็บแล้ว แต่การที่พลังของเทพทะลักเข้ามาในตัวเธออย่างมหาศาลนั้นมันเจ็บยิ่งกว่า พร้อมใช่มั้ย?”

 

ฮิโระลอบกลืนน้ำลายและพยักหน้า “ผมพร้อมแล้ว ลงมือเลย”

 

แล้วชายวัยกลางคนเริ่มท่องบทสวดอีกครั้ง คราวนี้เกิดแสงสว่างวาบขึ้นจากวงอักขระบนพื้นและบนตัวของเขา ความเจ็บปวดเกินจินตนาการถาโถมเข้าใส่ มันเหมือนกับมีแมลงเล็กๆวิ่งพล่านในตัวพร้อมกับอวัยวะภายในที่เหมือนถูกฉีกกระชากจนแหลกเหลว มันเจ็บจนฮิโระทำได้เพียงนอนดิ้นทุรนทุรายและกรีดร้องดังลั่นศาลเจ้า

 

“เขาตายแน่ คุณเซย์อิจิโร่! หยุดก่อน!” หนึ่งในนักบวชชินโตที่ช่วยทำพิธีตะโกนขึ้น แต่เซย์อิจิโร่กลับส่ายหน้าและท่องบทสวดต่อไป พวกเขามาไกลเกินกว่าจะหยุดพิธีได้แล้ว เหล่านักบวชวาดมือกลางอากาศ ทันใดนั้นก็เหมือนกับมีเชือกที่มองไม่เห็นตรึงมือและเท้าของฮิโระเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายตัวเองจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

 

อักรขระบนตัวของฮิโระค่อยๆขยับคล้ายถูกดูดเข้าสู่ตัวอักษรตัวใหญ่บนอกและยิ่งทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกมากขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกเหมือนถูกแมลงไต่ก็ค่อยๆหายไปด้วย ฮิโระยังพอคงสติอยู่ได้ เขากัดฟันอดทน เริ่มนิ่งและสงบมากขึ้น เสียงสวดมนต์ยังคงดังอยู่รอบตัว

 

“ผม….ทนได้….”

 

ตัวอักษรเรืองแสงถูกดูดหายไป ร่างกายของฮิโระกลับมาเหมือนเดิม เขาหายใจหอบถี่เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และเมื่อเสียงสวดมนต์จบลง อักษรบนอกของฮิโระก็หายไปพร้อมกับความเจ็บปวด

 

“ของจริงมันหลังจากนี้ต่างหาก…” เซย์อิจิโร่พึมพำ

 

ฮิโระนอนหอบอยู่บนพื้น ยังไม่ทันจะได้ลองขยับตัวก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นจนมองไม่เห็นอะไรแม้แต่อย่างเดียว….

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ฮิโระรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาลืมตาโพลงและพบว่าตนเองยืนอยู่กลางพื้นที่เวิ้งว้าง น้ำที่อยู่บนพื้นสะท้อนแสงสีส้มของท้องฟ้าที่ดูเหมือนเป็นยามอาทิตย์อัสดง ใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา น่าจะเป็นผู้หญิงในชุดสูงศักดิ์แบบญี่ปุ่นโบราณพร้อมเครื่องทรงสีทอง ผมสีดำยาวสยายเกือบถึงเท้า ไม่ต้องคิดให้นานก็รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนแน่ๆ

 

เธอคนนั้นยืนอยู่นิ่งเฉย ฮิโระจึงต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอเอง แต่ยิ่งเดินเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกร้อน เหมือนกำลังเดินเข้าหาดวงอาทิตย์อย่างไรอย่างนั้น เด็กหนุ่มถึงกับต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดหน้า ร่างของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับมีรัศมีบางอย่างออกมา ทุกอย่างถึงได้ดูเจิดจ้าไปหมด “..อามะเทระสึ?”

 

หญิงสาวปริศนาหันกลับมามอง เครื่องหน้างามหมดจด รอยยิ้มน้อยๆประดับบนริมฝีปาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแสงสว่างจนไม่เห็นตาดำ

 

“พร้อมแล้วหรือยัง อาซาโนะ ฮิโรยูกิ”

 

เด็กหนุ่มยังคงจำได้ทุกอย่าง เขารู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพื่อใคร… ผนึกของเอ็นมะหายไปจากตัวเขาแล้ว และในตอนนี้..ถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้พลังของเทพไหลเข้าสู่ตัวอีกครั้ง

 

“ผมพร้อมแล้ว”

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามปล่อยมือข้า”

 

เทพหญิงสาวตรงหน้าของเขายื่นมือออกมา ฮิโระไม่ลังเลที่จะจับมือเทพแห่งดวงอาทิตย์ไว้เสียแน่น ความรู้สึกเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็นพุ่งเข้าสู่ร่างกาย ฮิโระกรีดร้องดังลั่น มันร้อนและทรมานยิ่งกว่าการปลดผนึกของเอ็นมะ แต่เขาก็ยังปล่อยมือไม่ได้ ยังยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้

 

“อดทนไว้ อาซาโนะคุง!” เสียงของเซย์อิจิโร่เหมือนกลับดังมาจากที่ไหนสักแห่งที่แสนไกล แต่เขายังได้ยินมันชัดเจน “เธอกำลังรับพลังของอามะเทระสึเข้ามาในตัว อดทนเอาไว้ก่อน!”

 

“อึก..!” เด็กหนุ่มกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน สิ่งที่เขามองเห็นช่างเลือนราง อามะเทระสึเองก็จับแขนของเขาเอาไว้แน่น ถ่ายทอดพลังของเทพเข้าสู่่ร่าง และสิ่งเดียวที่ยังทำให้เด็กหนุ่มยังคงสติอยู่ได้คืออุเอฮาระ ไค….. “จะต้อง….ไปช่วยไค…”

 

“เจ้าคือคนที่ข้าเลือก”

 

แสงสว่างเกิดขึ้นอีกครั้ง ตัวของฮิโระถูกโอบล้อมไปด้วยแสงนั้น เขามองไม่เห็นอะไร และความเจ็บปวดเหมือนถูกเผานั้นก็ค่อยๆจางหายไปเช่นกัน….

 


 

อุเอฮาระ ไคนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องหนึ่งของศาลเจ้า เสียงดนตรีและเสียงกระดิ่งจากด้านนอกบ่งบอกว่าพิธีกำลังเริ่มต้นขึ้น มันเหมือนกับเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด ประตูไม้เลื่อนเปิดออก และสิ่งที่ไคเห็นคือนักบวชวิญญาณที่ยืนตั้งแถวพร้อมคบไฟในมือ ยายเฒ่ามิซาเอะผู้เป็นย่าของเขากำลังยืนรอยู่ในชุดพิธีการ

 

“มาเถอะหลานรัก” คุณย่าเรียก และไคก็ลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนด้วยใจที่สั่นรัว พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว อีกไม่นานพวกคิตามุระคงบุกขึ้นมาที่นี่และขัดขวางพิธีเอาไว้ ร่างเล็กในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านแถวนักบวชที่กำลังสวดมนต์ เสียงดนตรีและเสียงสวดดังปนกันฟังดูน่าขนลุก

 

ถัดจากแถวนักบวชคือทุ่งดอกฮิกังสีแดงที่กำลังชูช่อเบ่งบาน และที่ปลายทางเดินที่ใจกลางสวน กระจกเงาบานเดิมตั้งอยู่ตรงนั้น เบื้องหลังคือหน้าผาที่เชื่อมกับทะเล จากตรงนี้จึงได้ยินเสียงคลื่นชัดเจน

 

ไคคุกเข่าลงหน้ากระจกเงา มันสะท้อนภาพของเขาแต่กลับเริ่มกลายเป็นเงาของคนอื่น จนกระทั่งเอ็นมะปรากฏกายออกมาและแสยะยิ้มให้ ย่าของเขาเริ่มสวดมนต์พร้อมๆกับใช้เชือกพันรอบคอหลาน ไคหายใจถี่เร็ว ตอนนี้พวกคิตามุระควรจะมาได้แล้ว แต่กลับไร้วี่แวว ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจของไค ถ้าสองพี่น้องมาไม่ทันต้องแย่แน่ ไคหลับตาแน่นยามเมื่อเชือกรอบคอเริ่มรัดตึง โยสึเกะจะหักหลังเขาได้จริงๆหรือ?

 

แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยกลับดังขึ้นใกล้ๆ….

 

“ปล่อยมือจากไคเดี๋ยวนี้” โยสึเกะนั่นเองที่ใช้ดาบจ่อคอยายเฒ่ามิซาเอะ ส่วนมิโคโตะกับโจจิมะอยู่ที่ด้านหลัง กันพวกนักบวชวิญญาณออกไปและทำให้บทสวดหยุดลงกลางคัน

 

“พวกคิตามุระ….” ยายเฒ่ากัดฟันกรอด พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ถูกขวางไว้อีกครั้ง เธอต้องยอมปล่อยเชือกจากคอหลานชายและถอยออกมา เอ็นมะที่อยู่ในกระจกดูไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย “ไค หลานกำลังทำพลาดอย่างใหญ่หลวง”

 

“ขอโทษครับคุณย่า แต่ผมต้องทำ…อึก!” ไคกุมที่หน้าอกของตน รอยดอกฮิกังเริ่มเบ่งบานอีกครั้งและสร้างความอึดอัดเหมือนถูกบีบรัด เอ็นมะกำลังโกรธ..โกรธมากด้วยที่เขาทำแบบนี้

 

“พี่ครับ! เอ็นมะพยายามยึดร่างไคแล้ว!” โยสึเกะตะโกนขึ้น มิโคโตะพยักหน้าให้กับโจจิมะทันที เขาคลี่ห่อผ้ายาวๆนั้นออก ภายในคือง้าวขนาดใหญ่ โจจิมะลากมันบนพื้นดินและท่องคาถาไปด้วย เกิดเป็นอาณาเขตที่พวกนักบวชวิญญาณไม่สามารถข้ามมาได้

 

“เอาสิ ใครข้ามมาไม่ได้ไปผุดไปเกิดจริงด้วยนา อย่าหาว่าไม่เตือน”

 

“กันยายแก่เอาไว้นะโยสึเกะ” มิโคโตะที่จะเป็นคนลงดาบปลิดชีพรีบเข้ามาดูอาการของไคที่กำลังทรมาน ดวงตาข้างหนึ่งของไคกลายเป็นสีแดงเพราะเอ็นมะกำลังพยายามกลืนกินวิญญาณและยึดร่างกายนี้ “ลุกไหวรึเปล่า คุณอุเอฮาระ?”

 

“ค-ครับ..” ไคค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แค่จะหายใจยังยาก แต่เขาต้องกัดฟันทนให้ได้ เด็กหนุ่มยืดตัวยืนตรงอยู่หน้ากระจกเงา มิโคโตะถอยออกไปเพื่อตั้งหลัก “พี่…ต้องแทงเข้าที่หัวใจผมนะ เร็วเข้า…”

 

“รู้แล้ว ทนอีกนิด…” มิโคโตะลากนี้วไปตามอักษรที่สลักบนใบดาบ มันเรืองแสงขึ้นพร้อมจะทำหน้าที่ สองมือจับด้ามดาบอย่างมั่นคง เล็งที่ตำแหน่งหัวใจของไค “ขอโทษด้วยนะคุณอุเอฮาระ ขอให้หลับอย่างสงบ”

 

มิโคโตะพุ่งตัวออกไป ไคหลับตาลง รอรับความตายที่กำลังมาหา….

.
.
.
.
.
.

 

แต่มันกลับไม่เจ็บอย่างที่เคยคิดไว้ และเจิดจ้าจนแม้หลับตาอยู่ยังรู้สึกได้ มันแปลกเสียจนไคต้องลืมตาขึ้นมอง และภาพที่เขาเห็นคือแผ่นหลังของใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแล้ว แสงสว่างนั้นมาจากรัศมีที่ล้อมรอบตัวของชายคนนั้น ที่ข้อมือขวามีกำไลหินที่ดูไม่คุ้นตาสวมอยู่

 

“ฮ-..ฮิโระ….?”

 

“อย่าเพิ่งใจร้อนสิ….” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ฮิโระเป็นคนหยุดดาบของมิโคโตะเอาไว้โดยที่ไม่ได้สัมผัสดาบนั้นแม้แต่ปลายนิ้ว เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาเท่านั้น เด็กหนุ่มหันมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง “บอกแล้วไงว่าให้เชื่อใจฉันน่ะ ไค”

 

“……..” เขาถึงกับพูดไม่ออก ความรู้สึกท่วมท้นในอกและหลั่งไหลออกมาในรูปแบบของน้ำตา ฮิโระทำตามสัญญาที่เคยพูดจริงๆ ฮิโระมาช่วยเขาเอาไว้จริงๆ

 

“ฉันจะไม่ยอมให้ใครฆ่านายเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเอ็นมะ พี่ประธานนักเรียน หรือว่าคนอื่นๆ” ฮิโระขยับมือเพียงเล็กน้อย ร่างของมิโคโตะก็กระเด็นออกไปไกล โชคดีที่ตั้งหลักได้ ไม่อย่างนั้นคงได้เจ็บตัวแน่ เจ้าของตำแหน่งประธานนักเรียนจ้องมองฺฮิโระที่มีพลังของเทพไหลเวียนอยู่ในาย

 

“อาซาโนะ….หมอนั่นไม่มีผนึกของเอ็นมะแล้ว…” มิโคโตะมุ่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้นและมาที่ยามิได้ยังไง นอกเสียจาก… “โยสึเกะ! นายบอกเขาเหรอ!”

 

“ก็ผมไม่อยากให้ไคต้องตายนี่! มันยังมีทางอื่นอยู่นะพี่!” โยสึเกะขึ้นเสียง นั่นอาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ที่เด็กหนุ่มกล้าขึ้นเสียงใส่พี่ชายที่เคารพ แต่เขาก็แค่อยากเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ขอแค่สักครั้ง..ที่เขาจะไม่ต้องอยู่ใต้เงาของพี่ชาย และทำในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้อง

 

“เด็กโง่! เดี๋ยวเราก็ได้ตายกันหมดพอดี!”

 

“สายไปแล้ว ต่อให้ไม่มีพิธี แต่ยังไงท่านเอ็นมะก็จะได้ร่างของไคไป น่าสงสาร…วิญญาณของเด็กคนนั้นจะได้ไปอย่างสงบแล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างต้องพังหมดเพราะพวกแก..” ยายเฒ่ามิซาเอะกัดฟันกรอด แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงร้องของไคก็ดังขึ้นพร้อมกับคลื่นพลังที่แผ่ไปทั่วบริเวณจนแม้แต่ฮิโระยังต้องถอยออกมา

 

เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นบนกระจกเงา ร่างของไคลอยเคว้งกลางอากาศโดยที่เหมือนกับมีกลุ่มควันสีดำล้อมรอบ ชุดที่ไคสวมใส่ค่อยๆถูกย้อมจนกลายเป็นสีดำสนิท

 

“ไค!!”

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ไคตกลงสู่พื้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้…เขากลับไม่ใช่อุเอฮาระ ไคอีกต่อไป ร่างนั้นยืดตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสยะ ดวงตาทั้งสองกลายเป็นสีแดงก่ำ เนื้อตาขาวกลายเป็นสีดำสนิท

 

“พยายามได้ดี เจ้าพวกมนุษย์”

 

เขาได้กลายเป็นเอ็นมะไปแล้ว…..

 

“ร่างนี้ดีจริงๆ คิดไม่ผิดเลย….” เอ็นมะในร่างของไคขยับมือไปมา เพียงแค่นั้นฮิโระก็เลือดขึ้นหน้าจนพุ่งเข้าใส่เอ็นมะทันที แต่สถานะที่เป็นเทพเหมือนกัน และความที่ฮิโระยังควบคุมพลังไม่ได้ ทำให้เอ็นมะรับมือได้ไม่ยากเลย เขาป้องกันการจู่โจมของฮิโระได้และสวนกลับด้วยมือเปล่าจนเด็กหนุ่มกระเด็นไปไกล “แกยังควบคุมพลังของเทพในตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เจ้ามนุษย์หน้าโง่!”

 

มิโคโตะสบโอกาสขณะที่ทั้งสองสู้กันคว้าดาบขึ้นและพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง แต่ทว่าสถานะของเทพกับมนุษย์ที่ต่างกันเกินไปทำให้มิโคโตะถูกซัดกระเด็นจนดาบหลุดมือและกระเด็นไปชนต้นไม้ใหญ่ โยสึเกะรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย ปล่อยยายเฒ่ามิซาเอะเป็นอิสระ

 

“เราไม่มีเวลาจะมาเสียไปกับพวกมนุษย์ไร้ค่า” เอ็นมะซัดพลังเข้าใส่ฮิโระอีกครั้งจนอีกฝ่ายล่าถอย ร่างสูงโปรงเดินไปยังหน้าผา “ท่านอิซานามิกำลังรออยู่”

 

พูดเพียงเท่านั่น เอ็นมะก็กระโดดลงจากหน้าผา ฮิโระรีบวิ่งตามไปทันทีเพราะกลัวว่าไคจะเป็นอะไรไป แต่กลับพบว่าเอ็นมะพุ่งลงไปยังโทริอิที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวถัดจากฝั่งไปไม่ไกล น้ำทะเลสีน้ำเงินแยกออกจนเห็นรอยแตกสีดำขนาดใหญ่บนพื้นหินที่พาดผ่านกลางโทริอิพอดี ร่างนั้นลอยอยู่เหนือพื้น ท่องคาถาบางอย่างที่ทำให้รอยแยกบนหินโสโครกค่อยๆกว้างขึ้นจนเห็นดวงตาขนาดใหญ่จ้องมองขึ้นมา พร้อมมือสีดำยืดยาวน่าขนลุกที่พยายามปัดป่ายขึ้นมาจากโลกเบื้องล่าง

 

สถานการณ์ทุกอย่างดูสิ้นหวัง ฮิโระคว้าดาบของมิโคโตะขึ้นมาถือเอาไว้ ตอนนี้เป็นตอนที่ตัดสินชะตาแล้วว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างไร เด็กหนุ่มกระชากกำไลหินที่ข้อมืออย่างแรงจนมันขาดออกจากกัน

 

“เทพอามะเทระสึ ผมยอมให้คุณใช้ร่างของผมเพื่อหยุดเอ็นมะ ผมขอรับคุณเข้ามา”

 

ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างจ้าจากบนท้องฟ้าคล้ายระเบิดลูกใหญ่ ร่างของฮิโระเองก็ถูกกลืนไปกับแสงสว่าง พลังของเทพในตัวทวีคูณขึ้นกว่าเมื่อครู่ ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งตรงไปยังเอ็นมะที่กำลังท่องคาถาเพื่อเปิดประตูนรกให้สิ่งที่อยู่ในนั้นออกมาสู่โลก ดาบคาตานะที่อยู่ในมืออาบไปด้วยพลังของเทพแห่งดวงอาทิตย์ ฮิโระจับมันแทงเข้าที่กลางหลังของเอ็นมะในร่างไค

 

“ข้าไม่ให้เจ้าปล่อยอิซานามิออกมาหรอก เอ็นมะเอ๋ย”

 

“อึก….อ-อามาเทระสึ…” เอ็นมะพูดออกมาอย่างยากลำบาก ดาบของเทพผู้เป็นใหญ่ในทาคามะกาฮาระปักคาอยู่ที่อก เมื่อครู่่มันก็เป็นเพียงมนุษย์ที่ยืมพลังของเทพมาใช้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นร่างทรงของเทพ เหมือนที่อุเอฮาระ ไคเป็นร่างทรงของเอ็นมะ เด็กนี่ปล่อยให้เทพแห่งดวงอาทิตย์ยึดครองร่างไว้ชั่วคราว ทั้งที่ปกติแล้วเทพระดับนี้อาจทำให้ร่างกายของมนุษย์สลายไปในพริบตา “….ได้ยังไง…เจ้ามนุษย์นั่น…”

 

“อย่าดูถูกร่างทรงของข้า อาซาโนะ ฮิโรยูกิแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิด” มหาเทพในร่างเด็กม.ปลายกระชากดาบออกจากร่างของไค ปากปิดสนิทเข้าหากันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

 

“จงกลับไปอยู่กับอิซานามิ ณ โลกเบื้องล่างที่เจ้ากลับมาเสียเถิด อย่าได้คิดทำสิ่งชั่วร้ายบนโลกที่ข้าปกครองอีก”

 

พลันเกิดเสียงคำรามลั่นมาจากใต้รอยแยก มันดังเสียจนเหมือนกับสะเทือนไปถึงสวรรค์ กลุ่มควันสีดำลอยออกจากร่างของไคพุ่งลงไปในรอยแยก ทิ้งร่างหมดสติของเด็กหนุ่มในขาวไว้บนกองหินโสโครก อามะเทระสึใช้ดาบกรีดมือซ้ายและปล่อยให้เลือดไหลหยดลงหิน มือสีดำหดกลับเข้าไปในรอยแยก เสียงคำรามลั่นค่อยๆเบาลงพร้อมกับรอยแยกที่เคลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิท ส่วนที่ศาลเจ้าบนหน้าผานั้น โจจิมะที่ได้ยินเสียงลั่นรู้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร

 

ร่างสูงโปร่งรีบใช้ง้าวทำลายกระจกเงาบานใหญ่ที่เป็นสื่อของเอ็นมะ คมมีดแยกมันเป็นเศษเสี้ยวด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ทั้งร่างของยายเฒ่ามิซาเอะและนักบวชวิญญาณสลายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีขาว วิญญาณที่ถูกผูกติดไว้เป็นข้ารับใช้ได้รับการปลดปล่อย เป็นเวลาเดียวกันกับที่อามะเทระสึอุ้มร่างของไคกลับมายังศาลเจ้า ร่างของเด็กหนุ่มถูกวางลงบนพื้นดินกลางสวนดอกฮิกังและเริ่มได้สติ

 

อุเอฮาระ ไคกลับมาเป็นคนเดิม

 

“อุเอฮาระ!” โจจิมะวิ่งมาหาเป็นคนแรกเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มได้สติ โยสึเกะที่อยู่ห่างออกไปก็ค่อยๆพยุงพี่ชายขึ้น “ให้ตาย เกือบไปแล้ว เอ็นมะออกไปแล้วนะ”

 

ไคยังมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ร่างของฮิโระที่ยืนอยู่กลับล้มลงต่อหน้าต่อตา รัศมีที่เหมือนกับแสงอาทิตย์หายไปจากร่างกายของเด็กหนุ่ม การเป็นร่างภาชนะให้กับเทพที่ทรงพลังนั้นทำให้หมดแรงเอาได้

 

“ฮิโระ!” ไคกอดร่างอีกคนไว้ ไม่ต้องถามก็รู้ได้จากสายตาว่าเป็นห่วงขนาดไหน “เขาจะเป็นอะไรมั้ย…?”

 

“เขาช่วยนายไว้….ไม่สิ เขาช่วยเรา ด้วยการให้เทพอามะเทระสึสิงร่าง ไม่ใช่แค่รับพลังมา” โจจิมะย่อตัวลงอธิบาย “หมอนี่ไปสุดกว่าที่ฉันคิดอีก แค่รอดตายจากการปลดผนึกได้ก็สุดยอดแล้ว แต่เขาเป็นร่างทรงได้ด้วย ฉันว่าเขาไม่เป็นไรหรอก แค่หมดแรง”

 

“เฮ้! ฉันมาแล้ววว” เสียงตะโกนโหวกเหวกของโชดังมาแต่ไกล เขาวิ่งอย่างทุลักทุเลขึ้นมาบนศาลเจ้า ด้านหลังคือเซย์อิจิโร่ที่ดูหมดแรงพอกันจาการขึ้นบันไดหลายขั้น “ฉัน…หาทางขึ้นมาบนศาลเจ้าบ้านี่แทบตาย….หาไม่เจอ แต่จู่ๆ…ก็ขึ้นได้ โอยเหนื่อยจะอ้วกแล้ว”

 

“มิติของยามิหายไปพร้อมๆกับเอ็นมะ..” ชายวัยกลางคนเดินมาสมทบ เขายังพูดปนหอบ “นั่นเป็นเหตุผลที่จู่ๆเราก็ขึ้นมาที่นี่ได้ โดยไม่ต้องมีเครื่องรางหรือมีใครพามา… ตอนนี้เธอกลายเป็นเด็กธรรมดาแล้ว อุเอฮาระคุง และคงไม่มีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นกับเธออีก…”

 

“…เพราะว่าฮิโระ..ยอมเสี่ยงเพื่อช่วยผมใช่มั้ยครับ”

 

“จะว่าแบบนั้นก็คงไม่ผิดหรอก เขายังมีสติอยู่ได้เพราะคิดแต่จะช่วยเธอ” คนอายุมากกว่าตอบก่อนจะหันไปอีกทาง “ส่วนพวกเธอ…พี่น้องคิตามุระ”

 

“………..”

 

“ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น และคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเด็กม.ปลาย พวกเธอตัดสินใจถูกที่เอาดาบเล่มนั้นมา และโยสึเกะคุง….ขอบคุณมากที่บอกพวกเราเกี่ยวกับเรื่องการตัดสินใจของอุเอฮาระคุง”

 

“..มัน…แค่รู้สึกว่าต้องทำน่ะครับ..”

 

ไคฟังบทสนทนาเหล่านั้นเงียบๆ ตอนนี้เขาสนใจเพียงแค่คนที่อยู่ในอ้อมกอด ฮิโระขยับตัวเล็กน้อยและลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าของไคที่แต้มด้วยแสงสีส้มจากพระอาทิตย์ที่เพิ่งลับขอบฟ้า

 

“…..หนักกว่าเมื่อสิบปีก่อนอีกนะ ว่ามั้ย?”

 

คนฟังกระพริบตาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “…นาย…จำได้งั้นเหรอ?”

 

“ทุกอย่างเลย” เขายันตัวขึ้นนั่ง และกอดไคเอาไว้แน่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ฉันจำได้แล้ว นายคือเด็กคนนั้น เด็กที่ฉันเห็นในฝันว่าช่วยเอาไว้ เราเคยเจอกันจริงๆด้วย ไค..และฉันกลับมาช่วยนายแล้ว”

 

น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วครั้งหนึ่งกลับไหลออกมาอีกครั้ง ไคซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง นานเหลือเกินที่เขารอคอยช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะผ่านไปสิบปีหรือถูกผนึกความทรงจำเอาไว้ แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ในดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมีภาพสะท้อนของเขาอยู่

 

เพียงแค่มองในดวงตาของฮิโระ ไคก็รู้ว่ายังมีส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายที่จำเขาได้อยู่เสมอ

 

“ฉันอยู่นี่แล้ว…” ฮิโระเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาว จูบเบาๆบนริมฝีปากนุ่ม ปลอบประโลมทุกความรู้สึกที่ไคเคยกังวลในตอนที่พวกเขาจูบกันครั้งแรก “นายอย่าหายไปไหนอีกก็พอ ไม่ให้ไปแล้วนะ…”

 

“..อื้อ ไม่ไปแล้ว”

 

“อะแฮ่ม…” โชกระแอมไอขึ้นมาเมื่อบรรยากาศในตอนนี้ชักจะหวานเลี่ยนเกินเหตุ “เผื่อพวกนายจะลืม ว่าเรายังยืนหัวโด่กันหัวโด่กันอยู่ตรงนี้ห้าคน”

 

“ขอหน่อยไม่ได้รึไงเล่า คนเพิ่งเฉียดตายมานะเว่ย” ฮิโระโวยวายขึ้นมาทันที ส่วนไคที่เขินอายก็เอาแต่ซุกหน้ากับไหล่ไม่ยอมเงย “จูบนิดจูบหน่อยก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่รึไง”

 

“….ฮิโระ หิวอะ เราอยากกินข้าวหน้าปลาไหล”

 

ไคที่ซุกอยู่พูดขึ้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นเพิ่งรู้ตัวว่าถ้าไม่นับที่โลกเพิ่งรอดจากการถูกเทพนรกปกครอง ตอนนี้็เป็นเวลามื้อเย็นแล้ว

 

และสุดท้ายวันนี้ก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ที่จบลงที่ร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านเด็ดของเมือง


 

(อ่านฟิคแชทต่อนะคะ)

ใส่ความเห็น